วันนี้ขอพูดถึงโรคภัยที่มาจากการเล่นดนตรี บางท่านอาจจะยังงงๆ กันว่าการเล่นดนตรีทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ด้วยหรือ? อันที่จริงความเสื่อมของสังขารมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด ไม่เว้นแม้แต่การเล่นดนตรี อย่างไรก็ตามถ้าเรารู้เท่าทันก็จะสามารถลดความเสี่ยงหรือผลกระทบจากหนักเป็นเบาได้
นิ้วล็อก
โรคแรกที่อยากจะพูดถึงก่อนเลยก็คือโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง เป็นภัยเงียบสร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ที่กำลังเผชิญ “นิ้วล็อก” หรือที่เรียกกันว่าโรคนิ้วไกปืน เป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของมือที่ไม่สามารถงอนิ้วหรือเหยียดได้ตามปกติ โรคดังกล่าวนี้อาจเกิดขึ้นเพียงนิ้วเดียวหรือหลายนิ้วก็ได้
ลักษณะอาการจะมีดั่งเช่นเวลากำนิ้วมือจะไม่สามารถเหยียดออกเอง หากจะเหยียดออกจะมีอาการเจ็บ ปวด หรือบางครั้งอาจจะเหยียดออกแต่งอนิ้วกลับไม่ได้ หากปล่อยทิ้งไว้นานนิ้วมือนั้นก็อาจเปลี่ยนรูปเป็นโก่ง งอ บวม เอียง เมื่อนิ้วแข็งไม่สามารถงอและเหยียดออกได้จะทำให้การใช้งานของมือในชีวิตประจำวันเป็นอุปสรรค ถึงขนาดที่ทำให้ไม่สามารถเล่นดนตรีกับเครื่องเล่นที่ต้องใช้นึ้วได้เลย
สาเหตุนั้นเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นที่ใช้ในการงอข้อนิ้วมือ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณโคนนิ้วมือ ทำให้เส้นเอ็นหนาตัวขึ้น และติดขัดในการเคลื่อนไหวขณะเหยียดนิ้วมือ เมื่ออักเสบรุนแรงมากขึ้นจะเกิดปุ่มตรงเส้นเอ็น เวลางอนิ้วมือปุ่มจะอยู่นอกปลอกหุ้ม แต่ไม่สามารถเคลื่อนเข้าปลอกหุ้ม เวลาเหยียดนิ้วมือกลับไป ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อกอยู่ในท่างอ ต้องออกแรงช่วยในการเหยียด จึงจะสามารถฝืนให้ปุ่มเคลื่อนที่ผ่านปลอกหุ้มเข้าไปได้ การอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมือมักเกิดจากแรงกดหรือเสียดสีของเส้นเอ็นซ้ำซาก หรือใช้งานที่ฝ่ามือมากเกินไป เช่นการใช้มือหยิบจับอุปกรณ์ในการทำงานบ้าน ทำสวน ขุดดิน เล่นกีฬา เล่นดนตรี เป็นต้น โรคนี้จึงพบบ่อยในกลุ่ม ผู้ใช้พิมพ์ดีดหรือบ่อยๆ ผู้ที่ชอบเล่นกีฬา (เช่น กอล์ฟ เทนนิส) หรือเล่นดนตรี (เช่น กีตาร์ ไวโอลิน เปียโน) นอกจากนี้ยังพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์ เบาหวาน ภาวะขาดไทรอยด์ด้วยเช่นกัน
การดูแลตนเอง : หากมีอาการเจ็บตรงโคนนิ้วมือ เวลางอนิ้วมือแล้ว เหยียดนิ้วมีเสียงดังกิ๊ก หรือเวลางอนิ้วมือแล้วเหยียดขึ้น เองไม่ได้ ควรจะไปพบแพทย์เพื่อให้การตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด เมื่อพบว่าเป็นโรคนิ้วล็อก ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างจริงจัง และควรปฏิบัติดังนี้
ไม่ขยับนิ้วหรือดีดนิ้วที่เป็นนิ้วล็อกเล่น อาจทำให้เส้นเอ็นอักเสบมากขึ้นได้ ถ้ามีอาการข้อฝืด กำไม่ถนัดตอนเช้า ควรแช่น้ำอุ่นจัดๆ และทำกายภาพโดยการขยับมือกำแบเบาๆ ในน้ำ จะทำให้นิ้วมือเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น ถ้ามีอาการที่รุนแรงควรหยุดทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการใช้มือทั้งหมด
การรักษา : นั้นคุณหมอก็จะให้การรักษาตามความรุนแรงของโรค ในระยะแรกอาจให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ เพื่อบรรเทาปวดและลดการอักเสบ การทำกายภาพบำบัด หรือฉีดยาสตีรอยด์เข้าไปที่เส้นเอ็นที่อักเสบ ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อให้การรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการใหม่ๆ ถ้าไม่ได้ผล อาจต้องรักษาด้วยการใช้เครื่องมือสะกิดส่วนของพังผืดที่หนาตัวออกไป (โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด จะมีแผลเป็นรูเล็กๆ ตรงตำแหน่งที่เจาะ) ถ้ายังไม่ได้ผลอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไข
การป้องกัน : หลีกเลี่ยงการใช้มือทำงานที่มีลักษณะทำให้เกิดแรงกดหรือเสียดสีกับเส้นเอ็นแบบซ้ำซาก เช่นการหิ้วของหนักๆ เช่นถุงหนักๆ ถังแก๊ส ถังน้ำ กระเป๋า (ควรใช้รถเข็นลาก หรือใส่ถุงมือ) การซักผ้า บิดผ้า (ควรใช้เครื่องซักผ้าแทน) เวลากำหรือจับอุปกรณ์ต่างๆ ควรใส่ถุงมือลดแรงกดหรือเสียดสี สำหรับนักดนตรี ต้องทำใจครับ ถ้าฝืนเล่นหรือซ้อมต่อก็จะทำให้อาการรุนแรง หนักหนาสาหัสขึ้น ควรต้องหยุดไปจนกว่าจะหายขาดโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ
เอ็นอักเสบที่ข้อมือ
โรคที่สองที่อาจจะเกิดกับนักกีตาร์ได้เช่นกันก็คือเอ็นอักเสบที่ข้อมือ (De Quervain’s Tenosynovitis) เกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มเอ็นของเส้นเอ็นบริเวณข้อมือ 2 เส้น ทำให้เกิดการตีบหรือหดตัวการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็นภายในโดยส่วนใหญ่สาเหตุของอาการเกิดจากความเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น รวมถึงโรคข้ออักเสบเรื้อรังสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดโรคเอ็นอักเสบ คือภยันตรายต่อเส้นเอ็น การกระทบกระแทก หรือการใช้งานบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน จากการเล่นกีฬา จากอุบัติเหตุ หรือการเล่นดนตรี
อาการของโรค : ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดบริเวณเส้นเอ็นที่เกิดการอักเสบ ความรุนแรงแตกต่างกันไป อาจปวดเพียงเล็กน้อย หรือปวดมากจนทนไม่ได้ ในรายที่อาการรุนแรง เส้นเอ็นที่อักเสบเกิดฉีกขาด จะมีอาการที่รุนแรงมากที่สุด ในเบื้องต้นหากเกิดที่มือ จะมีอาการช้ำ ระบม บริเวณนิ้วโป้งด้านปลายแขนใกล้กับข้อมือถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการเจ็บปวดจะเพิ่มขึ้นและขยายไปยังบริเวณปลายแขนช่วงข้อมือและนิ้วโป้ง หากมีอาการรุนแรงมาก จะเกิดการบวมบริเวณปลอกหุ้มเอ็นใกล้ๆ กับข้อมือ และทำให้การหยิบจับด้วยนิ้วโป้งและมือจะมีอาการเจ็บปวดมากขึ้น

การรักษาจะทำอย่างไร การอักเสบของเส้นเอ็น (Tendon) มักมีสาเหตุจากการได้รับบาดเจ็บ หรือทำงานหนัก มีอาการเจ็บปวดตรงเส้นเอ็นที่อักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเคลื่อนไหว ไปในทิศทางที่ทำให้เส้นเอ็นส่วนนั้นถูกยืดและดึงรั้ง อาการมักจะเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ๆ หรือเป็นเดือนๆ สิ่งที่ตรวจพบเมื่อใช้นิ้วมือกดแรงๆ จะพบจุดที่กดเจ็บจุดเดียว ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณข้อ บางคนอาจมีอาการบวมของเส้นเอ็นส่วนนั้นร่วมด้วย คุณควรหยุดพักการใช้งานบริเวณมือและนิ้วโป้งซ้ำๆ บ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวของมือ เช่นการหยิบของหนัก การเขียน หรือการบิดหมุนข้อมือ ควรให้ข้อมืออยู่ในแนวระนาบเดียวกับแขน ถ้าไปพบแพทย์ในเบื้องต้น แพทย์อาจจะแนะนำให้เข้าเฝือกบริเวณแขนและนิ้วโป้ง เพื่อให้ข้อมือและกระดูกข้อต่อบริเวณใต้นิ้วโป้งอยู่กับที่ ลดการใช้งานของเส้นเอ็น รวมถึงรับประทานยาแก้อักเสบเพื่อลดอาการบวมของเยื่อหุ้มเอ็นและบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
หลักสำคัญในการดูแลตัวเองเพื่อระงับอาการปวด และลดการอักเสบที่เกิดขึ้นก็คือผู้ป่วยต้องพักผ่อนให้เต็มที่ งดใช้งานบริเวณที่เส้นเอ็นอักเสบ ควรประคบด้วยความเย็นเป็นครั้งคราว การใช้ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการได้ตามสมควร การใช้ยาลดการอักเสบช่วยให้อาการดีขึ้นในรายที่เป็นมาก แพทย์อาจพิจารณาฉีดยา Corticosteroid เข้าไปรอบๆ บริเวณเส้นเอ็นที่เกิดการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้มาก แต่ทั้งนี้ไม่ควรฉีดบ่อย จะทำให้เส้นเอ็นไม่แข็งแรงและอาจฉีกขาดได้
ในกรณีที่เส้นเอ็นเกิดการฉีกขาด ก็จะมีวิธีการรักษาโดยการผ่าตัด เทคนิคการซ่อมเส้นเอ็นทำได้หลายแบบ รวมทั้งการผ่าตัดเพื่อเสริมความแข็งแรงของเส้นเอ็นก็สามารถทำได้ ที่สำคัญคือหากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นเอ็นอักเสบที่ข้อมือ ควรมาพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยและดูแลรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องก็จะเป็นวิธีทีดีที่สุดครับ
ใจเซาะ
โรคสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงก็คือ โรคใจเซาะ (ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโรคอะไรดี ) หรืออาการเจ็บนิ้วจากการเล่นกีตาร์นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ร้ายแรงเหมือน โรคนิ้วล็อค หรือเอ็นข้อมืออักเสบแต่ทว่าก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่หัดเล่นกีตาร์มากกว่าครึ่งเลิกเล่นกันไป อาการเป็นตุ่มพองที่ปลายนิ้ว เพราะผิวหนังที่นิ้วยังไม่ด้าน เวลาสัมผัสกับสายหรือกดสายก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบและอาจจะเป็นแผลพุพองได้ครับ
วิธีการรักษา อันดับแรกเลยต้องหยุดพักครับ อาจจะสัก 1 หรือ 2 วัน หลังจากนั้นอาจจะแช่มือในน้ำอุ่น หรือหายามาทาให้อาการปวดทุเลาลงก่อนหากหยุดพักสักระยะแล้วรู้สึกดีขึ้นก็ไม่น่าเป็นอะไร ก็กลับมาตั้งใจฝึกกันต่อไปหนังกำพร้าที่ปลายนิ้วก็จะเริ่มหนาขึ้นและอาการเจ็บก็จะหมดไปครับ แต่ถ้าสองถึงสามวัน หรือถึงหนึ่งสัปดาห์แล้วยังไม่หาย หรือมีอาการปวดรุนแรงขึ้น อาจจะมีที่มาของอาการจากสาเหตุอื่น
แม้ว่าอาการเจ็บนิ้วจากการเล่นกีตาร์จะมีเป็นกันทุกคนแต่บางครั้งอาจจะมีสาเหตุ ที่ไม่ได้เกิดจากการฝึกเล่นก็เป็นได้ อย่างเช่นฝึกกับกีตาร์ที่คุณภาพไม่ดีพอ โดยเฉพาะในส่วนของคอกีตาร์ เราควรที่จะสังเกตหรือถามผู้รู้ให้ช่วยเช็กดูว่าคอกีตาร์ตรงหรือไม่ ถ้ามันไม่ตรงมันก็จะส่งผลให้เราต้องใช้กำลังนิ้วในการกดหรือออกแรงมากก็จะทำให้ฝึกไม่ได้นาน และ มีอาการเจ็บปวดมากขึ้น ในการสังเกตคอกีตาร์ว่าตรงหรือไม่นั้นอาจสังเกตได้ง่าย ๆ โดยกดสายกีตาร์ที่ช่อง 1 และอีกมือกดที่ช่อง 19 ของสายเดียวกัน นอกจากนี้ก็สังเกตที่เฟร็ตด้วยโดยสังเกตว่าระยะห่างระหว่างสายกีตาร์กับเฟร็ตทุกเฟร็ตจะต้องเท่ากัน เฟร็ตที่ว่านี้ประกอบเรียบร้อยหรือ เฟร็ตต้องไม่บิดเบี้ยว บนฟิงเกอร์บอร์ดมีรอยแตกหรือไม่ และระยะจากนัทไปยังเฟร็ต 12 กับระยะจากเฟร็ต 12 ไปถึงสะพานสายจะต้องมีระยะเท่ากัน ซึ่งถ้าอุปกรณ์บนฟิงเกอร์บอร์ดที่กล่าวมามีส่วนชำรุดเสียหาย ก็จะทำอันตรายกับนิ้วเราได้ อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือสายกีตาร์ต้องมีสภาพที่ดีไม่ขึ้นสนิมเบอร์ของสายที่ต่ำจะช่วยทำให้เราเล่นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับมือใหม่ บางกรณีอาจจะตั้งเสียงห้ต่ำลงสักครึ่งเสียงก็อาจจะช่วยให้เล่นสบายขึ้นพอกล้ามเนื้อนิ้วเริ่มแข็งแรงและผิวหนังที่ปลายนิ้วเริ่มด้านก็ค่อยปรับเป็นเสียงมาตรฐานก็ได้ครับ
อีกประการหนึ่งที่อยากจะแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าทุกครั้งที่เริ่มเล่นกีตาร์โดยเฉพาะถ้าไม่ได้เล่นติดต่อกันทุกวันควรจะต้องทำการวอร์มนิ้วก่อนทุกครั้ง นิ้วบนมือของเราก็เปรียบเหมือนอวัยวะส่วนอื่นๆ แขน ขาของเรา เวลาที่เราออกกำลังกายทั่วไป ก็ต้องมีการวอร์มกันก่อนถ้าเราไม่วอร์มร่างกายทุกครั้งก่อนออกกำลังกายหรือออกแรงทำอะไรหนักๆ อาการบาดเจ็บก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับการเล่นกีตาร์ หากเราไม่วอร์มนิ้วก่อนการเล่นอาการแบบเจ็บที่นิ้วและข้อมือก็อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกันครับไม่ว่ามืออาชีพหรือมือสมัครเล่นทุกคนควรจะวอร์มนิ้วก่อนการเล่นเสมอครับโดยอาจเป็นการไล่สเกล หรือเล่นเพลงง่ายๆ ที่ไม่ใช้เทคนิคมากมายอะไรพอนิ้วของเราเริ่มรับรู้แล้ว ว่ามีการใช้งานเกิดขึ้นเราค่อยเริ่มฝึกเทคนิคที่ยากขึ้น หรือเพลงที่เราตั้งใจฝึกในวันนั้น ต่อไป
เห็นไหมครับการเล่นดนตรีก็นำมาสู่โรคภัยได้ เล่นอะไรแต่พอดีน่ะครับ
ธวัชชัย สุวรรณสาร
Amway USA Team








0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น